Photographer:
Tanapol Kaewpring
Writer:
Noinae Sritawan
Tanapol Kaewpring
Writer:
Noinae Sritawan
ความเด็ดเดี่ยว คือหนึ่งพลังที่ผลักดันให้ จิงจิง วริศรา ยู ก้าวมาเป็นนางแบบระดับอินเตอร์เนชันแนล สู่ความเป็น Thai Super Model ปี 2012 เธอมีความเชื่อมั่นที่มาจากอินเนอร์แล้วดึงมาใช้ในไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังถ่ายทอดความเชื่อมั่นเหล่านั้นออกมาสู่ผลงานศิลปะแต่ละชิ้นอย่างตั้งใจ ทำให้สิ่งที่เธอทำนั้นเป็นมากกว่าการทำงาน แต่เป็นการถ่ายทอดศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ
“การถ่ายทอดอารมณ์เป็นเรื่องของจินตนาการ ความสมเหตุสมผล และความเป็นจริง”
จิงจิงตอบอย่างมั่นใจในคำถามเกี่ยวกับศิลปะการถ่ายทอดอารมณ์ “คือสมมติว่าถ้าเราจะเล่นซีนซีนหนึ่ง ถ้าเราไม่รู้สึกจริงๆ มันจะออกมาแบบไม่จริง คือเราต้องจินตนาการว่าถ้าตัวละครมีความคิดแบบนั้น เจอเหตุการณ์แบบนี้ เค้าควรจะแสดงพฤติกรรมออกมายังไง คือเมื่อก่อน เราเคยเรียนการแสดง แล้วหยุดไปเลยค่ะ แล้วก็ได้มาเรียนจริงๆ อีกทีคือก่อนเล่นหนัง ประมาณสองถึงสามอาทิตย์ แล้วก็คือเปิดกล้องเลย จิงจิงเคยถ่าย Vogue กับพี่ณัฐ ประกอบสันติสุข จะเป็นตาเขรอะๆ ดำๆ เลยนะ เค้าขอเป็นธีมว่าเราอกหักทุกอย่างก็คือการแสดงหมดเลยค่ะ สมมติว่าเราคิดถึงคนคนนึงมาก แววตาของเราก็ต้องแสดงออกมา อีกรูปนึงเค้าบอกว่าขอเป็นความรู้สึกโกรธ ทำไมเค้าทำอย่างนี้กับเราแต่เรายังรักเค้าอยู่ แววตาจะเป็นอีกแบบ คือพี่ณัฐ เค้าสอนเรามา เราก็แสดงออกมาในแบบนั้นเลย”
จิงจิงตอบอย่างมั่นใจในคำถามเกี่ยวกับศิลปะการถ่ายทอดอารมณ์ “คือสมมติว่าถ้าเราจะเล่นซีนซีนหนึ่ง ถ้าเราไม่รู้สึกจริงๆ มันจะออกมาแบบไม่จริง คือเราต้องจินตนาการว่าถ้าตัวละครมีความคิดแบบนั้น เจอเหตุการณ์แบบนี้ เค้าควรจะแสดงพฤติกรรมออกมายังไง คือเมื่อก่อน เราเคยเรียนการแสดง แล้วหยุดไปเลยค่ะ แล้วก็ได้มาเรียนจริงๆ อีกทีคือก่อนเล่นหนัง ประมาณสองถึงสามอาทิตย์ แล้วก็คือเปิดกล้องเลย จิงจิงเคยถ่าย Vogue กับพี่ณัฐ ประกอบสันติสุข จะเป็นตาเขรอะๆ ดำๆ เลยนะ เค้าขอเป็นธีมว่าเราอกหักทุกอย่างก็คือการแสดงหมดเลยค่ะ สมมติว่าเราคิดถึงคนคนนึงมาก แววตาของเราก็ต้องแสดงออกมา อีกรูปนึงเค้าบอกว่าขอเป็นความรู้สึกโกรธ ทำไมเค้าทำอย่างนี้กับเราแต่เรายังรักเค้าอยู่ แววตาจะเป็นอีกแบบ คือพี่ณัฐ เค้าสอนเรามา เราก็แสดงออกมาในแบบนั้นเลย”
“ตอนนี้เซ็นสัญญากับที่ประเทศเกาหลีต่อค่ะ ตอนอยู่ในประเทศไทยจิงอยู่ในสังกัด KiSSMODELS ส่วนในประเทศเกาหลีอยู่ ESteem ค่ะ ตอนแรกที่เดินโซลแฟชั่นวีคคือ ครั้งนั้นจิงไปเที่ยวประเทศเกาหลี แล้วเหมือนเพื่อนของรุ่นพี่จิงเค้ารู้จักกับดีไซเนอร์ประเทศเกาหลี แล้วเค้าก็เลยทักเมสเสจจิงมา เหมือนเคยเจอกันเที่ยวด้วยกัน ทักมาว่า อยากลองเดินดูมั้ย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเดินโซลแฟชั่นวีค และก็เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่า เราอยากทำงานประเทศเกาหลี ก็เลยเซ็นกับ ESteem ต่อค่ะ”
“จิงเป็นคนที่อยากทำก็ต้องได้ทำ เหมือนอย่างที่จะไปทำงานเกาหลีก็คือไปเลย ไม่มีอะไรมารั้งไว้ได้”
จิงจิงเล่าให้ฟังถึงแอตติจูดที่ทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่เรียกว่า โตขึ้น “การโตขึ้นสำหรับจิงมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ค่ะ แล้วก็ทุกอย่างที่มันโตขึ้นมันเป็นเพราะความดื้อของตัวเองด้วย เพราะจิงเป็นคนที่อยากทำก็ต้องได้ทำ จะทำ! อะไรแบบนี้ จริงๆ ที่จิงไปเกาหลีคือเริ่มจากศูนย์ ภาษาเกาหลียังไม่ได้เรียนอะไรเลย ก็คือไปเริ่มที่นู่นอย่างเดียวเลย”
จิงจิงเล่าให้ฟังถึงแอตติจูดที่ทำให้ตัวเองอยู่ในจุดที่เรียกว่า โตขึ้น “การโตขึ้นสำหรับจิงมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ค่ะ แล้วก็ทุกอย่างที่มันโตขึ้นมันเป็นเพราะความดื้อของตัวเองด้วย เพราะจิงเป็นคนที่อยากทำก็ต้องได้ทำ จะทำ! อะไรแบบนี้ จริงๆ ที่จิงไปเกาหลีคือเริ่มจากศูนย์ ภาษาเกาหลียังไม่ได้เรียนอะไรเลย ก็คือไปเริ่มที่นู่นอย่างเดียวเลย”
ไม่ใช่แค่เรื่องความตั้งใจในเนื้องาน แต่ในเรื่องไลฟ์สไตล์เธอคนนี้ก็ยังมีแพสชั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ จิงจิงเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นคนที่ไม่ชอบหยุดอยู่กับที่ อยู่ว่างๆ ก็จะหาอะไรทำเสมอโดยเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ทั้งในด้านศิลปะ และไลฟ์สไตล์ทั่วไป “อยู่ต่างประเทศเหรอ? โห ส่วนใหญ่ที่จิงชอบทำก็คือ... กินค่ะ (หัวเราะ) จิงต้องหาร้านอาหารก่อนเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องหาของกินก่อนเลยค่ะ ช้อปปิ้งมาทีหลัง เอาจริงๆ ไปเกาหลีแล้วน้ำหนักขึ้นค่ะ ตอนแรกจิงจะเป็นคนที่กินแล้วไม่ค่อยอ้วนเท่าไหร่ แต่พอไปอยู่เกาหลีก็ขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ ตอนนี้ มันไม่ลดแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็โอเคขึ้น แฮปปี้ค่ะ เพราะเมื่อก่อนผอมไปก็จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
“พอประสบการณ์หลายๆ อย่างผ่านไป มันทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น”
“ถ้าเมื่อไหร่มีคนทักปุ๊บ เราจะกลายเป็นคนไม่มั่นใจทันที ทักเป็นฟีลติๆ แบบนี้น่ะค่ะ ความมั่นใจของเราก็จะลงไปเลย (เวลารู้สึกดาวน์ จัดการกับมันยังไง?) ก็ถามตัวเองว่า จริงเหรอ? จริงหรือเปล่า? มันก็ดีอยู่แล้วนี่ หรือเราคิดมากไปเอง พอคิดแบบนี้เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นค่ะ”
“ในเรื่องแต่งตัว จิงจะเป็นคนที่ชอบแต่งตัวแนวเท่ปนซ่า ความซ่าของจิงก็คือจะปนความเซ็กซี่กับขี้เล่นเข้าไป จิงจะไม่ใช่สาวหวาน ชอบแต่งตัวแบบว่าคัลเลอร์ฟูลมาก ชอบแต่งสีสันมาก เอาเป็นง่ายๆ ว่า ถ้าเกิดมีใครเห็นเสื้อผ้าที่แบบสีสันเยอะๆ ก็จะแบบ เฮ้ย เป็นจิงมากๆ อะไรแบบนี้ค่ะ (ตู้เสื้อผ้าก็จะมีแต่สีๆ?) มีสีสันเยอะมากค่ะ มีครบทุกสี เล่นบอลลูนสีได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”
“ถ้าเมื่อไหร่มีคนทักปุ๊บ เราจะกลายเป็นคนไม่มั่นใจทันที ทักเป็นฟีลติๆ แบบนี้น่ะค่ะ ความมั่นใจของเราก็จะลงไปเลย (เวลารู้สึกดาวน์ จัดการกับมันยังไง?) ก็ถามตัวเองว่า จริงเหรอ? จริงหรือเปล่า? มันก็ดีอยู่แล้วนี่ หรือเราคิดมากไปเอง พอคิดแบบนี้เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นค่ะ”
“ในเรื่องแต่งตัว จิงจะเป็นคนที่ชอบแต่งตัวแนวเท่ปนซ่า ความซ่าของจิงก็คือจะปนความเซ็กซี่กับขี้เล่นเข้าไป จิงจะไม่ใช่สาวหวาน ชอบแต่งตัวแบบว่าคัลเลอร์ฟูลมาก ชอบแต่งสีสันมาก เอาเป็นง่ายๆ ว่า ถ้าเกิดมีใครเห็นเสื้อผ้าที่แบบสีสันเยอะๆ ก็จะแบบ เฮ้ย เป็นจิงมากๆ อะไรแบบนี้ค่ะ (ตู้เสื้อผ้าก็จะมีแต่สีๆ?) มีสีสันเยอะมากค่ะ มีครบทุกสี เล่นบอลลูนสีได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”
ความมั่นใจไม่มีการแข่งขันคือ Quote ในการดำเนินชีวิตของจิงจิง ซึ่งอาจกลายเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกความเป็นเธอได้อย่างชัดเจน ทั้งความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และมั่นใจอยู่เสมอ ทำให้เธอได้ก้าวมาอยู่ในจุดที่ผู้คนในระดับสากลรู้จัก และได้เสพผลงานของเธอมาหลายชิ้น นับไม่ถ้วน
“อีกอันหนึ่งที่รู้สึกว่าเอามาใช้ได้จริงๆ คือไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราคิดจะทำ” ใช่ ไม่มีอะไรที่เราคิดจะทำแต่ทำไม่ได้ ถ้าเราจะทำมันจริงๆ