FASHION DIARY
PARIS FASHION WEEK S/S 2019
นอกจากตารางแฟชั่นโชว์ใหญ่รอบเมืองปารีสในช่วงเวลา Paris Fashion Week SS19 นี้แล้ว ก็ยังมีการเปิดร้านชั่วคราว 5-7 วัน ที่เรียกว่า “Showroom” หรือ muti-label showrooms, Collective Showrooms และ Designer’s Showroom คือสถานที่ที่จัดแสดงผลงานของดีไซเนอร์เสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า, เครื่องประดับ SS2019  แบรนด์ต่างๆ มากมายจากหลายๆ ประเทศรอบโลก โดยการคัดสรรจากเจ้าของโชว์รูม เพื่อนำเสนอขายให้กับ buyers จาก retailers ที่มาจากรอบโลกเช่นกัน ให้ได้มาชมและเลือกซื้อสินค้าเพื่อไปขายในช่วงเวลาต้นปีหน้า (กุมภาพันธ์ 2019) บางที่เป็นโชว์รูมเปิด หมายถึงผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าได้เลย กับบางที่ (ส่วนมาก) เป็นโชว์รูมปิดนั่นหมายความว่าต้องนัดเวลาและได้รับอนุญาตจาก repersentative ก่อนเท่านั้นถึงจะเข้าชมได้  โดยที่ Showroom เหล่านี้จะไปเช่าสถานที่ต่างๆ กระจายไปรอบตัวเมืองปารีสกว่าสามร้อยที่แตกต่างกันไป แยกตามโชว์รูมที่มีชื่อเสียงและประเภทของธุรกิจ multi brandsบางที่ทำมานานก็จะเลือกแบรนด์ดีไซเนอร์ จากดีไซน์และคุณภาพที่จะเข้ากับมาตรฐานและเหมาะสมกับฐานลูกค้าของเค้าที่มีอยู่ ทำให้มียอดขายที่ดี ทั้งนี้ในแต่ละโชว์รูมก็จะมีกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่แตกต่างกันไป บางที่คัดเลือกแบบเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์หน้าใหม่ๆชาวต่างชาติ สไตล์ที่ออกแนว avant-garde, dark , deconstruction, statementแต่บางที่อาจเลือกแต่สไตล์ที่เรียบง่าย modesty modern minimalist หรือบางที่อาจจะหนักไปทาง street wear, street style ไปเลย
แคนดี้ก็เคยมีประสบการณ์กับ Showroom ในปารีส สมัยทำงานเป็นดีไซเนอร์อยู่ที่ senada* ช่วงนั่นการเตรียมงานส่งโชว์รูม หนักและต้อง professional มาก เสื้อผ้าต้องพร้อมเสมอในด้านการออกแบบต้องมีตัวตนชัดเจนไม่ก๊อปปี้ ผ้า  ฝีมือการตัดเย็บต้องได้คุณภาพ ดูแลเรื่อง quality control เสมอต้นเสมอปลายราคาต้องได้ และที่สำคัญต้องส่งงานให้ตรงเวลา Look Book ต้องมี ถ่ายอย่างสวยงามดูดึงดูดและเอกสารการนำเข้า ส่งออกสินค้าต้องพร้อม ทุกอย่างต้องใช้เวลาการเรียนรู้เสมอค่ะ Showroom เคยขายให้ muti brands store ดีๆ จากรอบโลกเสื้อ Senada * ตอนนั่นได้ไปแขวนอยู่ข้างๆ แบรนด์ใหญ่โตอย่าง Dries Van Noten และ Alexander McQueen เลยทีเดียว อะพอๆ เข้าเรื่องการมาปารีสครั้งนี้เพื่อเยี่ยมชมโชว์รูมและเอารูปมาฝากกันต่อดีกว่าค่ะ
3rdEye Showroom
126 Rue de Turenne
มีแบรนด์ Women’s ready to wear มากกว่า 16 แบรนด์ เช่น Alexandra Moura, Lalalove โดยคุณ ลินดา เจริญลาภ จากไทยที่เคยมีผลงานโดดเด่นเช่น “ผ้าขาวม้า” ที่ไปโชว์ไกลถึงญี่ปุ่น, Ricardo Andrez และแบรนด์ Accessories อีก 6 แบรนด์ เช่น nasha bag จากไทย marie de la roche และ Olivia Yao
Jacopo Gianninoto / Founder 3rdeye
NJ wear Ricardo Andrez with Marie Delaroche bag SS19 @3rdeyesshowroom
ลินดา เจริญลาภ
H30 Fashion Bureau
38 rue Quincampoix
โดยการก่อตั้งจากคุณ Jason Lee Coates หนุ่มชาวอเมริกันหัวใจญี่ปุ่น ที่ทำงานอยู่ญี่ปุ่นกว่า10 ปี มีแบรนด์ที่แสดงงานครั้งนี้กว่า12 แบรนด์ รวมถึงมีแบรนด์ไทยอีกสามแบรนด์ด้วยได้แก่ Kloset, Pony Stone, Wonder Anatomy และแบรนด์กระเป๋าอีก 1 แบรนด์ ที่เพิ่งเข้าใหม่ Maison Promax
Kloset
Jason Lee Coates / Founder
Stacy / Model
PR01. Showroom
23 rue Chapon
Press Room จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีสาขาโชว์รูมในกรุงเทพอีกด้วย มีแบรนด์น่ารักๆ อย่าง ezumi, the keiji, middla และ Men’s wear อย่าง sub age
Damo Wang / Founderfrom Shanghai, China
Kolor
แบรนด์นี้เริ่มต้นจาก Junichi Abe ในปี 2004 ที่ประเทศญี่ปุ่น เสื้อผ้ามีทั้งสำหรับผู้หญิงและชาย ออกแนว casual sport wear เสื้อผ้าแบรนด์นี้มักจะสื่อถึงอารมณ์มากกว่าจะทำเสื้อผ้าตามเทรนด์แฟชั่น โดยคอลเลคชั่นใหม่ spring summer 2019 ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปิน Galerie Bert and Grimont ที่ใช้ศิลปะป๊อปสีสันสดใส บวกกับ เมืองที่เคยหลับไหลอย่าง Hollywood
Parts of Four
36 rue Charlot
แบรนด์เครื่องประดับที่เน้นรูปทรงออแกนนิค โดยใช้วัสดุเป็นเมทัล คริสตัล และ rough diamond สำหรับคนที่ชอบเครื่องประดับที่ชิ้นค่อนข้างใหญ่เห็นชัดเจน ก็ต้องมาหาแบรนด์นี้เลย
Yves Salomon Paris
Cite Paradis Paris 10
“Piece” ว่าด้วยเรื่องการนำ recycling fur มาใช้ใหม่ในการตกแต่งเสื้อผ้า ให้ดูมี value และงดงามขึ้น เช่น เสื้อโค้ท fur ลายทางที่นำ fur และผ้ามาตัดต่อกัน ชิ้นเด่นของคอลเลคชั่น SS19 นี้ น่าจะเป็นตัวแจ็คเกตที่หน้าตาคล้ายชุดดับเพลิงเป็นดีเทลฮอทฮิตที่พบในแบรนด์อื่นๆ ของซีซันนี้อีกด้วย
ซ้าย-ปฏิพัทธ์ ชัยภักดี , ขวา-ธันย์ชนก ธัญญศิริ / Designer
Dry Clean Only
48 rue de Montmorency
แบรนด์สัญชาติไทยที่หลายๆคนรู้จัก ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ทำโชว์รูมเป็นของตัวเอง กับเสื้อผ้าคอลเลคชั่น spring summer 2019 คอนเซ็ปท์ “Business as Usual” กับ ชิ้นเด่นๆคือเสื้อฮาวายตัดต่อลาย สกรีนชื่อเมือง, โค้ท และแจ็คเก็ต re work ผ้าพันคอ vintage ตัดแต่งที่แขนและช่วงตัวกับเดรสเสื้อยืดสกรีนลายเก่าต่อผ้าอัดพรีดเซาะลูกไม้ DNA เด่นของ Dry clean only
JW Anderson
J W Anderson แบรนด์ของเค้าเอง และยังเป็น creative director ให้กับ Loewe อีกด้วย ต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ที่แคนดี้ชื่นชอบมากเป็นพิเศษในตอนนี้ ด้วยมูด แบบ สี ผ้า ของคอลเลคชั่นนี้ มันใช่มากๆ มีความ fresh craft modern bohemian ในตัวมาก บวกกับ Accessories พวกกระเป๋ารองเท้าที่สวยสุดๆ หนังดูดีสุดๆ ในคุณภาพท๊อปๆจริงๆ
Comme des Garçons
16 P.ce Vendôme
สำหรับคนที่ชอบศิลปะและไม่อยากแต่งตัวซ้ำใคร ต้องชื่นชอบ 2 แบรนด์นี้แน่นอน เสื้อผ้าของดอมซีซันนี้ว่าด้วยเรื่อง The power of Women กับชุดทรงแปลกสีเนื้อพิมพ์ลายสัก ที่มีรูปทรงคล้ายผู้หญิงตั้งครรภ์ โซ่และสูทแจ็คเก็ต ที่เหมือนเครื่องหมายของการไม่ยึดติด ความเป็น ความตาย ความคิดด้านลึกข้างในของ Rei Kawakubo คือสิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในฐานะศิลปินและนักออกแบบ
Comme des Garçons X Nike
Photography : MMcandy #MMcandySnap