ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่เราเดินทางไปพักผ่อนเกือบทุกปี อาจจะเป็นเพราะประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างปลอดภัย เดินทางสะดวก อาหารการกินก็ถูกปาก เที่ยวเมืองโตเกียว​และโอซาก้ามาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้เราและครอบครัวอยากลองหาเมืองที่ยังไม่เคยไปและอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก เมืองคาวากุจิโกะ เมืองที่ใครหลายคนเชื่อว่ามีจุดชมวิวสวยที่สุดของภูเขาไฟฟูจิซัง (Mount Fuji) อันสวยงามและยิ่งใหญ่ คาวากุจิโกะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก มันกลายเป็นเป้าหมายของผู้คนหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่นักพิชิตยอดเขา นักปีนเขา นักแสวงบุญ นักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งหรือจะมาเป็นครอบครัว รวมไปถึงคู่รักที่อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศแช่บ่อน้ำร้อนกลางธรรมชาติ ใช้เวลาแบบช้าๆ ไปกับสิ่งสวยงามรอบตัว

   ภูเขาฟูจิซัง คือสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นมานานหลายร้อยปี เพราะมันคือภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีความสูงที่ 3776 เมตร และเป็นภูเขาที่ศักดิ์สิทธิ์ มีผู้คนทั่วสารทิศอยากจะมาทำความเคารพและสัมผัสกับธรรมชาติของฟูจิซัง  ความงามของภูเขาแห่งนี้มีเสน่ห์ตรงยอดเพราะมีหิมะมาปลกคลุมตลอดปีรวมไปถึงรูปทรงอันสวยงาม มีศิลปินมากมายได้วาดภาพทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิซัง ยิ่งทำให้มีคนรู้จักและหลงรักภูเขาลูกนี้มาช้านาน ทะเลสาบคาวากุจิโกะ คือหนึ่งในทะเลสาบฟูจิทั้งห้าที่ในอดีตได้มีงานเขียนของชาวญี่ปุ่นได้กล่าวถึงพิธีกรรมการชำระล้างจิตใจของผู้แสวงบุญทั้งหลาย พวกเขาเดินทางมาไหว้ภูเขาไฟแห่งความศักดิ์สิทธิ์นี้ และกลายเป็นกิจกรรมที่ทำกันมายาวนาน ได้สร้างเป็นวิถีปฏิบัติทางศาสนา ดึงดูดผู้ที่นับถือศาสนาชินโต พุทธศาสนาและธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน เรื่องราวต่างๆ ทำให้เมืองนี้มีความน่าสนใจของวัฒนธรรมที่ยังถูกกล่าวถึงในอดีตถึงปัจจุบัน
   ทะเลสาบแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 และมีชายฝั่งที่ยาวที่สุดถ้าเทียบกับทะเลสาบฟูจิทั้ง 5 และเป็นที่เดียวในบรรดาทะเลสาบฟูจิที่มีสะพานยื่นเข้าไปในทะเลสาบ ในแต่ละฤดูกาลใบไม้ต้นไม้รอบๆ จะเปลี่ยนสีไปตามเวลา สีสันสวยงามมากในช่วงฤดูใบไม่ร่วง ครั้งนี้เราเดินทางมาช่วงเดือนตุลาคม ถือว่าเป็นบรรยากาศปลายปีก่อนจะเข้าฤดูหนาว อากาศเย็นกำลังดี ฟ้าใส เหมาะกับการเดินเล่นขึ้นรถบัส ชื่นชมกับธรรมชาติที่สวยงาม สวนผลไม้ ร้านไอศครีม ส่วนรอบๆ ทะเลสาบนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ทะเลสาบคาวากุจิโกะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดเมื่อเทียบกับทะเลสาบอื่นๆ ที่อยู่รอบภูเขาฟูจิซังเพราะที่นี่มีจุดชมวิวหลายจุด โดยเฉพาะจุดตรงกลางของทะเลสาบที่ใครๆ ก็อยากจะมาเที่ยวเพราะเราจะเห็นภูเขาฟูจิซังได้อย่างเต็มตา
   วางแผนมาเที่ยวที่เมืองคาวากุจิโกะกัน 2 วัน 1 คืน เที่ยวเต็มๆ ประมาณ 1วัน การเดินทางสะดวกมากซึ่งเราสามารถเดินทางมาจากโตเกียวเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น การท่องเที่ยวภายในเมืองนี้สามารถนั่งรถบัสหรือขี่จักรยานรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะได้สบาย ครั้งนี้เราตั้งใจจะลองใช้รถบัสไปยังสถานที่ต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา สิ่งแรกที่เราควรจะรู้จักคือ  Retro Bus Kawaguchiko หรือ Omni Bus รถประจำทางของเมืองที่จะพาคุณเที่ยวไปรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ เราสามารถดูว่าเราต้องขึ้น Omni Bus สีอะไร ลงป้ายที่เท่าไหร่ รถบัสมีด้วยกันทั้งหมด 3 สายคือ สายสีแดง (Red Line) เส้นทางที่เดินทางไปรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีจุดจอด 22 ป้าย  สายสีเขียว (Green Line) คือเส้นทางรอบทะเลสาบ Saiko มีทั้งหมด 71 ป้าย ส่วนสายสีนำ้เงิน (Blue Line) คือสายที่ไปยังทะเลสาบ Motosuko มีทั้งหมด 127 ป้าย
   สายสีนำ้เงินเป็นสายที่แยกออกจากสายสีแดงและเขียว ซึ่งเหมาะกับผู้ที่อยากมาเที่ยวแบบธรรมชาติสุดๆ และมีเวลาอย่างน้อยสองคืน  สายสีแดงเป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สายนี้วิ่งรอบทะเลสาบ และครอบคลุมสถานที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น Oishi Park, Konohana Art Museum, Kawaguchiko Living Center, Kawaguchiko Music Forest Museum, รวมถึงเส้นทางชมธรรมชาติอย่าง Maples Corridor
   เดินทางมาถึงคาวากุจิโกะเมื่อวานก็ช่วงบ่ายๆ แล้ว เลยถือว่าทริปนี้เรามีเวลาทั้งวันก่อนจะกลับไปโตเกียวในช่วงเย็น เราเริ่มต้นวันด้วยการไปปั่นเรือหงส์ยักษ์ในทะเลสาบทางด้านเหนือ การมาปั่นเรือหงส์ทำให้เรามองเห็นเมืองอีกมุม ความสวยงามของทะเลสาบและภูเขาที่อยู่ร่วมกับเมืองดูงดงามและลงตัวมากซึ่งเราคงไม่ได้เห็นวิวนี้ถ้าไม่มาลงเรือ  โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันที่ฟ้าใส แสงแดดกระทบกับน้ำกำลังพอดี เป็นหนึ่งในทัศนียภาพที่เราประทับใจที่สุดของเมือง จากนั้นก็เริ่มต้นทำความรู้จักกับเมืองโดยเริ่มจากสุดทางของสายสีแดง นั่นก็คือ Oishi Park สวนดอกไม้ที่อยู่ริมทะเลสาบและเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างเต็มตา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด เราสามารถเดินเล่นแบบช้าๆ พร้อมกับชมวิวดอกไม้ที่นี่สักพัก
Oishi Park
   หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง Maples Corridor ทางเดินเที่ยวชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสี ซึ่งตอนนี้สีอาจจะไม่ได้สวยมากแล้ว แต่บรรยากาศก็คุ้มค่าที่ได้มาแวะ เรานั่งบัสต่อย้อนมาเรื่อยๆ โดยเลือกแวะลงป้ายเมื่อเรามองเห็นอะไรที่ชอบโดยไม่ได้มีแผนไว้ก่อน ต้นไม้รอบเมืองดูสวยงาม มีเสน่ห์  เมืองนี้มีอะไรให้ทำมากมาย มีกระเช้าให้ขึ้นไปชมวิวแต่ครั้งนี้เวลาไม่พอ เลยต้องปล่อยผ่านไปก่อน
   ช่วงบ่ายเรามานั่งพักที่คาเฟ่ของ Konohana Art Museum ก่อนจะเดินทางกลับโตเกียว Konohana Art Museum  คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีธีมวาจิฟีลด์  (Wachifield) ดินแดนลึกลับที่ถูกสร้างขึ้นโดยอิเคดะ อากิโกะ (Ikeda Akiko) นักเขียนและนักวาดการ์ตูน ผู้สร้างแมวดายัน (Dayan The Cat)  คนนิยมมาดูภาพวาดออริจินัลของแมวและนั่งพักผ่อนที่ร้านคาเฟ่ Olson-san-no- ichigo นอกจากที่เมืองนี้จะโด่งดังเรื่องความงามของจุดชมวิวแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวมากมายมาทำกิจกรรมอย่างการตกปลาและกีฬาทางน้ำด้วย
   หากมาเป็นครอบครัว เมืองนี้มีสวนสนุกใหญ่ๆ อย่าง  Fuji-Q Highland สวนสนุกหรือธีมพาร์คที่มีรถไฟเหาะและเครื่องเล่นมากมาย ภายในมีธีมพาร์คของ Thomas Land ขวัญใจของเด็กทั่วโลก หากนักเดินทางคนไหนอยากจะลองหาเวลามาพักผ่อนจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ออกมาสัมผัสธรรมชาติที่นี่กันเถอะ
Writer: ศศิวดี สิริเกียรติยศ
Photo by:  ศศิวดี สิริเกียรติยศ
IG: sasivadee