Songwut Thongtua
Designer
RENIM Project
เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีที่ คุณโย ทรงวุฒิ  ทองทั่ว โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่น เริ่มตั้งแต่เป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ Playhound by Greyhound ต่อด้วย Greyhound Original ซึ่งในขณะนั้นก็ได้ร่วมทำแบรนด์ Errorist กับกลุ่มเพื่อนสนิทควบคู่ไปด้วย รวมถึงแบรนด์สไตล์มินิมอลสตรีทแวร์ที่เคยโด่งดังมากๆ ในยุค 2000 อย่าง Common-T นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษ และวิทยากรเกี่ยวกับแฟชั่นและบริหารธุรกิจตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทำสไตลิสต์ให้นักดนตรีหลากหลายค่าย และล่าสุดกับ Renim Project แบรนด์แฟชั่นที่เขาก่อตั้งขึ้นจากแพชชั่นในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าสตรีทแวร์ ซึ่งผสานเข้ากับปรัชญาการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยาการอย่างคุ้มค่า โดยนำกลับมาผลิตให้เกิดเป็นงานดีไซน์ชิ้นใหม่ที่พิเศษทั้งในแง่ของเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมระหว่างไฮแฟชั่นลัคชัวรี่กับสตรีทแวร์เข้าด้วยกัน ไม่วิ่งตามเทรนด์แฟชั่น เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
จุดเริ่มต้นของ Renim Project
- ชื่อแบรนด์มาจากปรัชญาการทำงานของเราที่ใช้เสื้อผ้าที่เชยๆ มาทำใหม่ให้ดูเท่ เก๋ โดยตอนนี้เราสนใจนำยีนส์เก่ากับยีนส์ใหม่มาผสมผสานกัน ทำให้เกิดการ Deconstruction เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ๆ ที่ Modernist ขึ้นมา ปรัชญาของแบรนด์เรามีคำว่า Remade Reduce และ Redesign กลายเป็น Renim Project เพราะเราเอายีนส์เก่ามาทำใหม่ แล้วเรา Reduce เพื่อให้โลกร้อนน้อยลง ตอนนี้เสื้อผ้าล้นโลกทำให้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองกระทบกันไปหมด เราอยากให้มีการลดการผลิตลง เลยนำมา Redesign ให้มันออกมาในรูปแบบที่ดูโมเดิร์นทันสมัยเหมาะกับคนเมือง นี่คือที่มาของ Renim Project ครับ
ดีไซน์ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
- จุดเด่นของเราส่วนใหญ่จะเป็นการ Redesign ด้วยการเอายีนส์เก่า เสื้อผ้าเก่ามาทำใหม่ การทำ Deconstruction เพิ่มเข้าไป มีลวดลายกราฟิคที่เราทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมีคอนเซ็ปต์แต่ละคอลเลคชั่นแตกต่างกันออกไป
เป็นแบรนด์ที่ปลดปล่อยตัวตนลงไปมากที่สุด
- เราเกิดมาในยุค 80s ช่วงที่เราโตปี 1990 - 2000 เราจะผ่านอิทธิพลของเพลงและการแต่งตัวที่มันย้อนกลับมาใหม่ถึงยุคนี้ เราโตมากับเพลง Beastie Boys เพลงฮิปฮอปแบบสตรีท แล้วเราก็โตมากับ Nirvana เพลงกรันจ์ อินดี้ร็อค เราฟัง New order, The Smiths, ACDC, Greenday, Radio Head, The Killers, Fatboy Slim และ Prodigy ทั้งฝั่งอังกฤษและอเมริกาในยุคนั้นมีดนตรีหลากหลายมาก ช่วงนั้นเราแต่งตัวเป็นพังค์ เป็น Rave เป็นอินดี้ร็อค เราดึงความที่โตมากับสิ่งเหล่านี้ เราเล่นสเก็ตบอร์ดบ้าง เป็นพังค์บ้าง เราไปเที่ยวผับ Rave ในสีลม ซอย 4 ไปร้าน Weed อินดี้ร็อค ตรอกคอกวัว ไปร็อคผับ ราชเทวี ไป Lucifer ผับอิเลคทรอนิคใต้ดิน ซึ่งมันหล่อหลอมจนเกิดเป็นตัวเราที่มีความเชยๆ แต่เท่ เราคิดว่ามันเป็นสไตล์ Hardcore Rave เพราะผสมลูกครึ่งความเป็นร็อคความเป็นอัลเทอร์เนทีฟความเป็นอิเล็กทรอนิกส์พังค์เข้าด้วยกัน เลยรู้สึกว่านี่มันเป็นตัวเราแล้วนะ เชยๆ แต่เท่ เก๋ๆ ไม่ใช่คูลๆ เท่ๆ หล่อๆ แบบที่เคยทำมา
Renim Project ฉีกไปจากทั้งหมดที่เคยทำมา
- อย่าง Common-T จะคนละขั้วเลย เป็นมินิมอลสตรีทที่สบายๆ ส่วน Greyhound Original จะเท่ๆ คูลๆ แบบเบสิกทวิสต์ แต่ของ Renim Project เราจะใส่ความสนุกเข้าไปเยอะกว่า คือมันจะเท่คนละแบบกับที่เราเคยทำมา อาจจะเป็นการนำไฮแฟชั่นที่เคยทำมาผสมกับความเป็นสตรีทที่ถูกเอามาใส่ในงานเยอะกว่าครับ
คอลเลคชั่นล่าสุด Fall/Winter 2018
- คอลเลคชั่นนี้ชื่อว่า Reborn มาจากการที่โลกเรา Over มากเกินไปทั้ง Over Supplier ที่ทำให้เกิด Over Economic หรือ Over War ซึ่งส่งผลกระทบตามมามากมาย อย่างการผลิตเสื้อผ้าที่มากเกินไปจึง Over Trash ทำให้โลกร้อนขึ้น เราจึงสร้างสรรค์เสื้อผ้าเพื่อช่วยโลกในทางอ้อมโดยลดการผลิตลง และหาทางสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบที่ผสมผสานของเก่าและของใหม่เข้าด้วยกัน ตรงกับปรัญชาของเราคือ Remade Reduce Redesign แต่ทำออกมาให้เกิดสินค้าเพื่อคนแฟชั่นยุค Millennial
ดีไซเนอร์ที่เป็นต้นแบบในการทำงาน
- เราชอบ Margiela, Raf Simon และ Helmut Lang เราได้อินสปายมาจากเค้าตรงวิธีการทำงาน การคิดจากเสื้อผ้าที่ใกล้ตัวไม่ต้องไปแต่งเติมเยอะ แล้วเราค่อยหยิบสิ่งที่คนมองข้ามมาเพิ่มคุณค่าเข้าไป ทำให้เสื้อผ้าดูเหมือนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา คือมีความ Kitsch หรือ Camp เอาสิ่งที่ดูเชยๆ มาทำให้ดูเก๋ ประชดประชันล้อเลียนเสื้อผ้าชั้นสูง หรือกลุ่ม Anti-Fashion ซึ่งพอออกมาดูเป็นเสื้อผ้าที่มีความเป็น Futuristic Street แต่พอแยกชิ้นกลับดู Minimal สวมใส่ได้จริงแล้วดูเท่ เก๋มากๆ ด้วย ถ้าปัจจุบันก็สนุกกับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่มีสไตล์เดียวกัน อย่าง Vetements ที่เป็นเหมือนลูกของ Margiela หรือ Off-White ที่คล้ายกับ Raf Simon เมื่อก่อน เราชอบความที่เป็นแฟชั่น และการเอาความเป็นสตรีทมารวมกัน มันเป็นวิธีการคิดงานที่เรารู้สึกว่าเป็นต้นแบบในการทำงานของเรา
เส้นทางข้างหน้าของ Renim Project
- ตอนนี้ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ จากเล็กๆ ก่อน เราไม่ได้ขยายสาขาขายเลย เราอยากทำโปรดักท์ที่สนุก ดูเป็นตัวเรา แล้วคนเห็นคุณค่าความสนุกของเรา ล่าสุดทำรองเท้ามาจากกางเกงยีนส์ หรืออีกหลายๆ โปรดักท์ที่เราเอามาทำให้ดูทันสมัยขึ้น เราไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่จะซื้อเสื้อผ้าเรามีมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มองว่าของเราจะไปอยู่ในมัลติสโตร์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นี่คือแผนของเราครับ
พลังขับเคลื่อนในโลกแฟชั่น
- จริงๆ ช่วง 10 ปีนี้ เราผ่านอะไรมาเยอะ พอมาทำแบรนด์ของตัวเอง อะไรที่ประสบความสำเร็จก็มีล้มเหลวก็มีเยอะ แต่สุดท้ายรู้สึกว่าเรามีแพชชั่นกับเสื้อผ้า เราอยากแต่งตัวให้ตัวเอง เราอยากแต่งตัวให้คนอื่น เราอยากเห็นคนอื่นใส่เสื้อผ้าเรา แล้วเรารู้สึกว่าตอนนี้มีโลกของโซเชี่ยลมีเดียเยอะขึ้น มันยังมีงานดีไซน์ที่คนต้องการอยู่ คิดว่าถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครเห็นงานเห็นสิ่งที่เราทำ เราโตมากับงานออกแบบ ศิลปะ เราทำแบรนด์แบบนี้ขึ้นมา มันน่าจะมีคนที่ชอบแล้วเราเองก็ชอบ คิดว่าเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยดีและสนุกกับมัน
มุมมองต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นในปัจจุบันนี้
- เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แบรนด์ระดับโลกเข้ามาขายในราคาของ Local Price เยอะ อย่าง Zara หรือ H&M ทำให้ตลาดระดับกลางเปลี่ยน ด้วยคุณภาพของคนไทยในการผลิตจริงๆ ก็ดี แต่อาจจะหมุนไปตามโลกไม่ทัน ทำให้วงการแฟชั่นมันสโลว์ แล้วมาเจอกับแบรนด์ออนไลน์ที่เกิดได้ทุกวันทุกวินาทีอีก ผมว่าคนทำเสื้อผ้ามีความยากขึ้น แต่ก็จะมีความจริงอยู่ในนั้น เด็กรุ่นใหม่มีสิ่งที่เค้าเรียนรู้ได้เร็วในโลกออนไลน์ แต่ประสบการณ์ในการทำเสื้อต้องใช้เวลาด้วย อย่างตอนประกวด Vogue Who’s On Next 2018 ที่ผ่านมา มีหลายแบรนด์ที่เป็นแบรนด์ออนไลน์ พอถึงเวลาจริงๆ ในการทำรีเทล การดิสเพลย์ การทำ Merchandise สินค้าที่เป็นคอลเลคชั่น การทำอะไรที่เกี่ยวกับโปรดักชั่นดีเทลของสินค้าแฟชั่น หรือการทำแฟชั่นโชว์ยังขาดประสบการณ์อยู่เยอะ คนที่มีความสามารถเรื่องออนไลน์ต้องอย่าลืมมองข้ามในส่วนของออฟไลน์ จริงๆ มันเป็นอิลิเม้นท์ที่สำคัญมากในการทำแบรนด์ดิ้ง คนในยุคผมต้องมองเรื่องออนไลน์ เพราะเรามีประสบการณ์ในการทำเสื้อผ้าแล้ว มีเทสต์ แต่เรายังขาดเรื่องของโซเชี่ยลมีเดีย หรือออนไลน์ ถ้าทำได้ดีมันก็น่าจะไปต่อได้เรื่อยๆ ผมว่าโลกปัจจุบันนี้ไม่มีอะไรที่ Real เพราะไอเดียต่างๆ เกิดขึ้นและมีมาหมดแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือต้นฉบับ มีแต่ใครที่สามารถนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาผสมผสานให้เกิดสิ่งใหม่เข้ากับยุคและคนในปัจจุบันได้ บวกกับอัตตลักษณ์ของนักออกแบบเองเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ตื่นเต้น สร้างสีสีน และมีคุณค่าให้กับคนในโลกใบนี้